ทำไม PLAN B ซื้อ BNK48
- หมวด: Marketing
- เผยแพร่เมื่อ: วันพฤหัสบดี, 24 May 2561 02:56
- เขียนโดย Business Development
- ฮิต: 15
โมเดลธุรกิจนี้น่าสนใจอย่างไร ทำไมถึงมีมูลค่า 520 ล้านบาท
ข่าวใหญ่เกี่ยวกับ BNK48
บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ Plan B บริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของเครือข่ายสื่อนอกบ้าน ประกาศซื้อหุ้นและเพิ่มทุนของ บริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์วง BNK48 ในประเทศไทย
โดย Plan B ใช้เงินทั้งหมด 182.25 ล้านบาท เพื่อแลกกับ สัดส่วนผู้ถือหุ้น 35% ของ BNK48 ซึ่งถ้าคำนวณแล้ว หมายความว่าตอนนี้ BNK48 จะมีมูลค่า 520.71 ล้านบาท
ทำไมเรื่องนี้ถือเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ
Plan B เห็นอะไรใน BNK48? เรื่องนี้มีแนวคิดการลงทุนอะไรซ่อนอยู่
BNK48 เป็นวง เกิร์ลกรุ๊ป ที่เป็นปรากฏการณ์ของวงการเพลงในประเทศไทยในช่วงปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่สำคัญคือ วง BNK48 มีโมเดลทางธุรกิจที่น่าสนใจ
โมเดลธุรกิจของ BNK48 ต่างจากธุรกิจอื่นอย่างไร?
BNK48 ถูกถอดแบบมาจาก AKB48 ที่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น
ภายใต้แบรนด์ BNK48 ทุกคนในวงไม่ได้เป็นแค่นักร้อง นักแสดงหรือนักเต้น
ทุกคนในวงนี้จะเป็นไอดอลที่มีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวที่ทำให้จับจุดความชื่นชอบของคนได้หลากหลาย และไม่ยึดติดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
จะเห็นได้จาก AKB48 ในญี่ปุ่นมีสมาชิกกว่า 300 คน ใน 16 รุ่น และดำเนินธุรกิจมากว่า 13 ปี
แม้เวลาจะผ่านไปกี่ปี มีไอดอลคนใหม่เข้ามา มีคนออกจากวงไป แต่แบรนด์ AKB48 ก็ยังคงอยู่ และมีฐานแฟนคลับที่ยังคอยให้กำลังใจอยู่เหมือนเดิม
เราสามารถเปรียบเทียบโมเดลนี้ได้กับสโมสรฟุตบอล ที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน นักเตะเข้าออกอย่างไร สโมสรก็ยังมีแฟนคลับคอยติดตามไปเรื่อยๆ
ที่ผ่านมา วงนักร้องในประเทศไทยจะมีกระแสความดังที่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล พอคนดังของวงจากไป วงก็ต้องปิดตัว หรือความนิยมลดลงไป
โมเดลของ BNK48 แตกต่างออกไป โดยให้ความสำคัญกับ “การมีส่วนร่วมและกิจกรรมกับแฟนคลับ” ของพวกเขา
โมเดลดังกล่าวมีคอนเซ็ปต์คือ “ทุกๆคนในวงเป็นไอดอลที่คุณสามารถไปพบได้” และด้วยแนวคิดดังกล่าวทำให้แฟนคลับมีส่วนร่วมกับบุคคลที่ตัวเองชื่นชอบได้มากขึ้น
สมัยก่อนที่เราจะเห็นบุคคลที่ชื่นชอบผ่านทางทีวี หรืออย่างมากก็ในงานคอนเสิร์ตจากการเป็นผู้ชมคนหนึ่งที่ได้แค่ร้องเล่นเต้นตาม แต่ BNK48 ทำให้แฟนคลับเข้าถึงคนที่ชื่นชอบได้ง่าย กลายเป็นฐานแฟนคลับขนาดใหญ่ ใหญ่จนเราอาจคิดไม่ถึง
เพลงคุกกี้เสี่ยงทาย หรือ Fortune Cookie มียอดคนดู 100 ล้านวิวใน 4 เดือน แต่ยอดวิวมากแค่ไหนก็คงทำรายได้ไม่เท่ายอดขายซีดีของ BNK48 ในยุคที่คนไม่ซื้อซีดีเพลงกันแล้ว แต่รู้ไหมว่าซีดีของ BNK48 มียอดขายทั้ง 3 ซิงเกิ้ลรวมกันทั้งหมด 213,500 แผ่น โดยซีดีหนึ่งชุดมีราคา 350 บาท เท่ากับว่ายอดขายซีดีทั้งหมดของ BNK48 มีมูลค่ามากถึง 75 ล้านบาท.. ใครจะไปคิดว่าในยุคนี้จะมีคนขายซีดีได้มากขนาดนี้
ส่วนบัตรเข้าร่วมงานจับมือของ BNK48 ก็ดูเหมือนจะเป็นอีเวนท์ที่มีสีสันไม่เหมือนใคร บางคนถึงกับต้องอึ้งว่างานแบบนี้ก็มีด้วยในประเทศไทย
BNK48 ได้รับเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับหลายๆแบรนด์
- การโปรโมทกล้อง Fuji X-A5
- เกมส์มือถือ Dragon Nest M
- นมถั่วเหลืองแลคตาซอย
- เครื่องดื่ม Jele Beautie
- ร้านอาหาร Yayoi
- True
พรีเซนเตอร์แต่ละงานขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์นั้นจะเลือกกี่คนเป็นพรีเซนเตอร์ ค่าตัวตั้งแต่หลักล้านไปจนถึงสิบล้าน
รายได้ BNK48 มีอะไรอีก?
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีการขายบัตร BNK48 Campus Card ใบละ 600 บาท สำหรับงานจับมือ จำนวนกว่า 20,000 ใบ คิดเป็นเงิน 12 ล้านบาท BNK48 ได้เป็นตัวแทนถือลูกฟุตบอล ในขบวนพาเหรดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และ ประกาศเข้าร่วมเชียร์ทีมฟุตบอลชาติไทยอย่างเป็นทางการ แค่เข้าร่วมเชียร์ทีมฟุตบอลชาติไทย ก็ขาย Boxset BNK ช้างศึก ที่มีราคาสูงถึง 3,000 บาท ได้ 10,000 กล่อง คิดเป็นรายได้ 30 ล้านบาท คอนเสิร์ต BNK48 สองรอบ ราคาตั๋วตั้งแต่ 800 ถึง 2,000 บาท ถูกจองเต็ม 22,000 ที่นั่ง คิดแล้วก็ประมาณ 20 ล้านบาท
เรียกได้ว่าในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน BNK48 เข้าไปอยู่ในหลายๆธุรกิจ และมีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
การเติบโตของ BNK48 ไม่หยุดเพียงเท่านี้..
BNK48 ได้ลงทุนมูลค่า 200 ล้านบาท ก้อนแรกนำเปิดโรงละคร BNK48 บนพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร โดยมี 350 ที่นั่ง โรงละครนี้ใหญ่ขนาดไหน ลองนึกภาพโรงภาพยนตร์ที่เรานั่งดูกัน ซึ่งที่นี่จะมีการจัดแสดงสัปดาห์ละ 3 รอบ ให้แฟนคลับได้มาติดตามไอดอลของตนโดยมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 400 บาทต่อที่นั่ง
ส่วนเงินอีกก้อนนำไปเปิด BNK48Cafe และ BNK48Shop ซึ่งขายกาแฟและของที่ระลึก โดยจำกัดไว้เพียง 1,250 คิวต่อวัน โดยมีความพิเศษคือหากซื้อ Signature Drink หรือใช้จ่ายเกิน 250 บาทต่อบิลจะมีสิทธิ์ได้รับที่รองแก้วไอดอลแบบสุ่ม..
แล้วเรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้นอีก แฟนคลับแห่ไปซื้อเครื่องดื่ม แต่ทิ้งเครื่องดื่ม เอาแต่ที่รองแก้วของไอดอล ถ้าคิดคร่าวๆว่า ต่อวันมี 600 คิวและอย่างน้อยทุกคนจะสั่ง Signature Drink BNK48Cafe จะมีรายได้ 120,000 บาท ต่อวัน หรือ 44 ล้านบาท ต่อปี.. กลับกลายเป็นว่าเม็ดเงิน 200 ล้านบาท อาจดูน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับรายได้ที่ถาโถมเข้ามาจากหลายๆด้าน
ที่กล่าวมาทั้งหมด ถ้านับรายได้ของ BNK48 ในตอนนี้ก็น่าจะอยู่ประมาณ “หลายร้อยล้านบาทต่อปี”
ที่น่าสนใจคือ เรื่องทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในปีเดียว..
กลับมามองด้านผู้ลงทุนอย่าง Plan B..
Plan B ใช้เงินทั้งหมด 182.25 ล้านบาท เพื่อแลกกับ 35% ของ BNK48 ซึ่งแปลว่าตอนนี้ BNK48 มีมูลค่า 520.71 ล้านบาท เทียบกับรายได้ของ BNK48 ตอนนี้น่าจะอยู่ในหลักหลายร้อยล้านต่อปี
แล้วในอนาคต BNK48 จะเป็นอย่างไร
ถ้าเราตกใจกับรายได้ของ BNK48 เราจะแปลกใจมากขึ้นถ้ารู้ว่าวงพี่สาวอย่าง AKB48 ที่ญี่ปุ่น เคยทำยอดได้เกือบ 7 พันล้านบาทต่อปีมาแล้ว
อาจจะสรุปได้ว่า Plan B เห็นช่องว่างในการเติบโตของ BNK48 ที่น่าจะสามารถทำอะไรได้อีกมาก
ที่น่าสนใจคือ ธุรกิจ BNK48 น่าจะสอดคล้องกับเครือข่ายสื่อโฆษณาของ Plan B และ BNK48 น่าจะก้าวมาเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอนาคต การมีส่วนร่วมกับคน หรือที่เราเรียกกันว่า Engagement กลายมาเป็นเบื้องหลังความสำเร็จการเพิ่มยอดขายของโมเดลธุรกิจนี้ ด้วยนวัตกรรมของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในอนาคตโฆษณาอาจจะต้องเป็นมากกว่าโฆษณา
สมัยก่อนการขายโฆษณาไม่ว่าจะช่องทางไหน ต้องอาศัย จำนวนการเข้าถึงยิ่งมากยิ่งดี ทำเลที่เหมาะสม แต่สมัยนี้อาจไม่พอ..
กลับกลายเป็นว่าโฆษณาที่ทำให้คนที่สามารถเข้าถึงได้ มีส่วนร่วมกับสื่อต่างๆได้ อาจจะกลายมาเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจในอนาคตอันใกล้
จริงๆแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Plan B มีอีกดีลก่อนหน้านี้ โดย Plan B ได้ประกาศซื้อหุ้นของ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส จำกัด หรือ BMN ในสัดส่วน 20% เพราะเล็งเห็นการเติบโตของสื่อโฆษณาในสถานีรถไฟฟ้า MRT ที่กำลังเติบโต รวมถึงพื้นที่ค้าปลีกภายในสถานีรถไฟฟ้า ก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็นการขายของที่ระลึก BNK48 ในสถานีรถไฟฟ้า MRT ก็เป็นได้
ดีลของ BNK48 สะท้อนให้เห็นว่านับจากนี้ไปธุรกิจของ Plan B อาจจะเริ่มรุกสื่ออื่นที่ไม่ใช่สื่อโฆษณานอกบ้านเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะอะไร?
ทุกคนคงรู้กันว่าสื่อโฆษณาของ Plan B มีอยู่ครอบคลุมทั่ว กทม. และ ทั่วประเทศ แต่ตลาดของสื่อนอกบ้านมีเม็ดเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ Plan B ก็ครองส่วนแบ่งในตลาดนี้อยู่แล้วประมาณ 35% เราจะสังเกตเห็นได้จากที่ผ่านมา Plan B เริ่มขยายเข้าไปช่องทางอื่น ทั้งในเรื่องกีฬาที่หารายได้ร่วมกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
Plan B เองก็สามารถหารายได้จาก content ใหม่ผ่านช่องทางหรือ platform สื่ออื่นๆ เช่น ทีวี, ออนไลน์, วิทยุ, สื่อสิ่งพิมพ์ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของช่องทางเอง
Plan B จะก้าวไปกับการลงทุนครั้งนี้อย่างไร และจะประสบความสำเร็จกับการลงทุนครั้งนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าติดตาม
แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ การลงทุนครั้งนี้อาจเป็นก้าวสำคัญที่เราจะได้เห็นสื่อในรูปแบบที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนและเราคงจะได้เห็นรูปน้องๆ BNK48 ในสื่อโฆษณาของ Plan B ตามท้องถนน อาคาร สถานีรถไฟฟ้า ทั่วทั้ง กทม. และ ต่างจังหวัด ในเร็วๆนี้แน่นอน..