พาชมงาน Digital Thailand Big Bang 2017 ก้าวสำคัญของไทยไปสู่ยุคดิจิทัล

จุดประสงค์หลักของงานนี้คือต้องการให้ผู้เข้าชมได้มองเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสและเชื่อมประเทศไทยสู่เวทีโลก

วันนี้เราจะพาไปชมบูธ บรรยากาศและไฮไลท์ที่น่าสนใจภายในงานกันครับ

Future Life Digital Big Bang Theater

เป็นการจัดแสดงสื่อผสมมัลติมีเดียความยาว 7 นาทีผ่านจอยักษ์ขนาด 180 องศา ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสชีวิตและไลฟ์สไตล์ในอนาคตอันใกล้ พร้อมประสบการณ์แบบรอบทิศทางจากทั้งเทคนิค Kinetic และแสงสีเสียงต่างๆ เพื่อเป็นการเปิดและแนะนำผู้ชมได้เข้าใจโลกยุคดิจิทัลก่อนเข้าร่วมงานกับ 4 โซนไฮไลท์

นิทรรศการนานาชาติ 4 โซน

เริ่มที่นิทรรศการนานาชาติ ที่มีการโชว์นวัตกรรมและสร้างประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้เข้าใจกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ตั้งแต่ปัจจุบันไปสู่อาคต มีทั้งหมด 4 โซนหลักๆ ได้แก่

• Digital Ecosystem

โซนที่จัดแสดงองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดระบบนิเทศด้านดิจิทัลของไทย ซึ่งได้แก่ แรงงาน อาทิ Data Scientist, ML Engineer, VR Editor, Cyber Security Expert ไปจนถึงนวัตกรรมต่างๆ, สตาร์ทอัพ โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคสำหรับการพัฒนาด้านดิจิทัล

อันที่จริงตามนโยบายของรัฐบาล การสร้างระบบนิเวศด้านดิจิทัล ไม่ได้เพียงสร้างขึ้นมาภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีการบูรณาการและเชื่อมความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย อาทิ โครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ, ความร่วมมือกับกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) สำหรับระบบข้อมูลดิจิทัล และความร่วมมือกับสมาคม General Entrepreneur Network สำหรับการพัฒนาและเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสตาร์ทอัพ เป็นต้น

นอกจากนี้โซนนี้ยังมีการโชว์รถยนต์แปลงเป็นหุ่นยนต์ที่เป็นฝีมือคนไทย และได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ Transformer ซึ่งไม่ได้เพียงแค่มาโชว์ตัว แต่เป็นการท้าดวลร่วมพูดคุยกับยักษ์ไมยราพ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานด้วย

รถยนต์ที่เปลี่ยนเป็นหุ่น Transformer

ยักษ์ไมยราพ

• Digital Community & Smart City

เป็นโซนที่นำเสนอโซลูชันและแพลตฟอร์มในการพัฒนา Digital Community และ Smart City พร้อมตัวอย่างนวัตกรรมจากผู้จัดงาน

โซลูชัน Digital Community และ Smart City จาก ZTE และ Huawei

ตู้รับฝากและส่งพัสดุ/ไปรษณีย์อัตโนมัติจากไปรษณีย์ไทย ซึ่งมีเริ่มทดลองให้บริการแล้วในบางพื้นที่

ตัวอย่างการจัดการ Smart City ด้านสาธารณสุขของจังหวัดขอนแก่น

ขณะที่นโยบายของรัฐบาลในการผลักดัน Digital Community และ Smart City เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสให้ประชาชน ได้แก่โครงการเน็ตประชารัฐ ที่ขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน พร้อมพัฒนาโครงการอื่นๆ ที่ต่อยอดจากเน็ตประชารัฐในหลากหลายมิติ อาทิ E-Commerce, E-Health, E-Education, E-Agriculture และ E-Service

• Digital Park

นิทรรศการที่นำเสนอแนวคิดและแผนการสร้าง Digital park เขตเศรษฐกิจแห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านนวัตกรรมดิจิทัลในภูมิภาค ตามนโยบาย Eastern Economic Corridor ซึ่งจะช่วยพัฒนาและขับเคลื่อนนวัตกรรมในหลากหลายมิติ อาทิ พัฒนาสตาร์ทอัพ, การจัดตั้งสถาบัน IoT และการพัฒนานวัตกรรมสำหรับ Smart City

รวมถึงยังมีไฮไลท์ให้ผู้เข้าชมได้ดีไซน์ Digital Park Thailand ในแบบของตัวเองผ่านกระบะทรายแบบ interactive

• Digital Playground

พื้นที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการจัดแสดงเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน 4 ส่วนได้แก่ Internet of Things, Artificial Intelligence and Automation, Virtual Reality และ 3D Printing เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผู้เข้าชมได้โดยตรง จากการได้เล่น ได้ลอง พร้อมทำความเข้าใจการทำงานและบทบาทของเทคโนโลยีเบื้องต้นด้วย พร้อมไฮไลท์ VR Sphere ที่เปิดให้ผู้เข้าชมได้เข้าไปสัมผัสโลก Virtual Reality ภายในโดม VR ขนาดเล็กด้วย

VR Sphere ไฮไลท์สำหรับบูธนี้

eSports โดยภาครัฐ

ถึงแม้ eSports จะยังเป็นที่ถกเถียงและอยู่ระหว่างการผลักดันจากภาคเอกชน ในแง่ของการยอมรับเกมให้กลายเป็นกีฬาประเภทหนึ่งในไทย แต่ทว่าภายในงานนี้ ภาครัฐเป็นเจ้าภาพจัดการแข่ง eSports เสียเอง ซึ่งก็ถือเป็นฤกษ์และนิมิตหมายที่ดีสำหรับวงการเกมในบ้านเรา ซึ่งภายในงานจะเป็นการแข่งขันเกม League of Legends และ RoV พร้อมชิงรางวัลและทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 200,000

นอกจาก eSports ยังมีการแข่งขันอื่นๆ อย่างการประกวดสิ่งประดิษฐ์ IoT, การแข่งขันขับโดรนและการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัย พร้อมชิงเงินรางวัลรวมเกือบ 800,000 บาท ไม่รวมการจัดอบรบเวิร์คช็อปด้านนวัตกรรมต่างๆ มากมาย